เหล่าพ่อแม่มือใหม่ทั้งหลาย
รู้จัก “โรคมือเท้าปาก ปากเท้าเปื่อย ในวัยเด็กอนุบาลไหม?”
แล้วรู้ไหมว่าโรคนี้อันตรายกับลูกน้อยถึง”ตาย”
จากประสบการณ์ตรงของแม่ป้อม แม่น้องตะเกียง
เมื่อลูกตะเกียงเข้าเตรียมอนุบาลตอน 2 ขวบครึ่ง แล้วเกิดติดเชื้อ โรคมือเท้าปาก ปากเท้าเปื่อย
.. เหตุการณ์ในวันนั้น ป้อมจะไม่ลืมตลอดชีวิต มันเกิดขึ้นเร็ว และน่ากลัวมาก
ตอนนั้นเราไม่รู้จักโรคมือปากเท้า น้องตะเกียงลูกของแม่ป้อม
กลับมาบ้านแล้วบอกเจ็บมือ เริ่มตัวร้อนๆ ที่มือลูกเป็นตุ่มใส 1-2 ตุ่ม
ไม่กี่ชั่วโมงเพิ่มเป็น 5-6 ตุ่ม อย่างรวดเร็ว และมีเพิ่มในปาก โอ๊ย อกแม่ป้อมจะแตก
…เราโชคดีที่เราตัดสินใจ พาน้องไปหาคุณหมอทันที..เรื่องนี้สำคัญที่สุด
เพราะเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง มันอาจทำให้ลูกเราเสียชีวิตได้
อันนี้คุณหมอบอกแม่ป้อม.ถ้าปล่อยให้ลูกไข้สูงมากลูกเราจะช็อคจนเสียชีวิตได้
แผลที่เกิดในปากสำหรับเด็กเล็กแม้เพียง 5-6 ตุ่มแบบตะเกียงลูกแม่ป้อม
ก็ทำให้น้องอักเสบเจ็บปวดทรมานมาก ถ้าเราไม่สังเกตุลูกเรา
ปล่อยให้แผลอักเสบกินเนื้อลึกเข้าไปมากกว่านี้ เด็กๆอาจทนความเจ็บปวดไม่ไหว..
ตรงนี้ อันตรายมากถึงเสียชีวิตได้
เคสน้องตะเกียงลูกแม่ป้อม แค่ 4-5 ตุ่มที่เป็นที่เล็บก็ทำให้เล็บหลุด แม่ป้อมกลัวมาก
กว่าแผลจะหาย ใช้เวลาหลายวัน 7-10 วันเลย.น่าสงสารลูกตะเกียงที่สุด
ในเวลาที่ลูกเราเจ็บ พ่อ แม่ อย่างเราเจ็บกว่าเป็น 100 เท่าใช่ไหมคะ
ในช่วงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ วัยนี้จะรับเชื้อได้ดีทีสุด และทรมานที่สุด
โชคดีที่แม่ป้อม ได้รู้จักกับสารอาหารที่เพิ่มภูมิต้านทาน ต้านเชื้อไวรัสได้ดี
และแม่ป้อมก็ตัดสินใจให้น้องตะเกียงทานทันที และทานมาตลอดหลายปี
ทำให้น้องตะเกียงหายป่วยแบบรวดเร็ว แข็งแรงมาก และไม่กลับมาติดโรค
จากที่โรงเรียนอีกเลย แม้ว่าเพื่อนๆ และเด็กอีกหลายคนของลูกกลับมาเป็นซ้ำอีกหลายรอบ
เป็นอะไรที่น่าสงสารที่สุดสำหรับคุณพ่อ คุณแม่
เรื่องสารอาหารที่เพิ่มภูมิต้านทานสำหรับเด็ก ป้อมจะอธิบายในช่วง
7 เคล็ดลับเสริมภูมิป้องกัน ช่วงท้ายๆ นะคะ
จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 16 ส.ค. 60 พบผู้ป่วยแล้ว 49,019 ราย
และเสียชีวิต 3 ราย ในจังหวัดจันทบุรี ราชบุรี และร้อยเอ็ด
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
ในช่วงฤดูฝนนี้มักพบเด็กเล็กป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก
โดยเฉพาะในสถานศึกษาที่เป็นสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก
ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย
โรคมือเท้าปาก ปากเท้าเปื่อย
เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก
ทำให้มีอาการไข้ เป็นแผลในปาก มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว
จัดเป็นโรคที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย
การติดต่อของโรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปากสามารถติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากจมูก
ลำคอ น้ำลาย และน้ำจากตุ่มใส รวมถึง มือของผู้เลี้ยงดู ได้แก่
สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล และ เครื่องเล่นเด็กสาธารณ
อย่างเช่นบ้านบอลและช่วงที่มักมีการระบาดของโรคนี้คือ
ช่วงฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว
จุดอันตรายสุด
โรคนี้สามารถเป็นซ้ำได้ถ้าลูกของเราไม่เตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงพอ
อาการและภาวะแทรกซ้อนของโรคมือเท้าปาก
อาการเริ่มต้นของโรคมือเท้าปากจะคล้ายไข้หวัด คือ มีตุ่มใส
หรือแผลร้อนในเกิดขึ้นหลายแผลในปาก และมีอาการเจ็บ
มีผื่นแดงหรือตุ่มใส ขนาดเล็กที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า
หรือก้น และมีอาการไข้เป็นระยะเวลา 5-7 วันอย่างไรก็ตาม
โรคมือเท้าปากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาตกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไปจนถึงเสียชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เช่น
- เด็กมีอาการซึมลง ไม่เล่น ไม่อยากรับประทานอาหารหรือนม
- บ่นปวดศีรษะมาก ปวดทนไม่ไหว
- มีอาการพูดเพ้อไม่รู้เรื่อง สลับกับการซึมลง หรือเห็นภาพแปลกๆ
- ปวดต้นคอ คอแข็ง มีการรับรู้สับสน ซึมลง และอาเจียน
- มีอาการสะดุ้งผวา ตัวสั่นๆ แขนหรือมือสั่นบ้าง
- มีอาการไอ หายใจเร็ว ดูเหนื่อยๆ หน้าซีด มีเสมหะมาก
โดยอาจมีหรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้
วันนี้จะดีกว่าไหม? ถ้าวันนี้เรามารู้ทันโรค และสามารถป้องกัน ไม่ให้ลูกเราป่วย
และจะดีกว่าไหม? ถ้าลูกของเราแข็งแรง จนต่อสู้โรคภัยได้
สู้ๆนะคะ คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่
เราเตรียมรับมืออย่างไร ให้ลูกรักของเราปลอดภัยจากโรคอันตราย
มาดูกับ 7 เคล็ดลับเสริมภูมิป้องกัน มือเท้าปาก ปากเท้าเปื่อย ในวัยเด็กอนุบาลกัน
1. หมั่นสังเกตร่างกายลูกทุกไหม / เป็นแผลในปาก /
มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว หรือไม่
2. มีอาการไข้สูงหรือไม่
3. พักผ่อนที่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายจะแข็งแรง
มีภูมิต้านทานโดยธรรมชาติ ไม่ควรนอนหลัง 2 ทุ่มครึ่ง
4.ให้ลูกรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อเย็น
5. ทานผักหลากสี เขียว แดงส้มเหลือ ผสมผสานเพิ่มวิตตามินแร่ธาตุ
6. ผลไม้ตระกูล เบอร์รี่ มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
7. สารอาหารฟูคอยแดน (Fucoidan) ทำไมต้องฟูคอยแดน ?
เป็นสารอาหารที่สกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลที่อยู่ใต้ท้องทะเลลึก
ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าทั้งหลาย
หันมาให้ความสำคัญและสนใจ
เนื่องจากฟูคอยแดนเป็นหนึ่งในสมบัติอันล้ำค่าจากท้องทะเลลึก
ที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์มากที่สุด
ความสุขที่สุดของพ่อแม่อย่างเราคือ
เฝ้ามองลูกรักของเรา เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง
ถ้าเลือกได้ ถ้าทำได้ ไม่อยากให้ลูกเจ็บป่วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ^O^
ด้วยความรักและความห่วงใย
By.. แม่ป้อม ของน้องตะเกียง..
LINE : POMK7
Published by